Chiangmai Day 2 : Lucklub crafted cottage / Adirak Pizza / Wat U-Mong

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2565

 Chiangmai Day 2

นอนพักที่กระท่อมรักหลับ เดินแสวงบุญไปวัดอุโมงค์ ดินเนอร์ที่ร้านพิซซ่าอิตาลี

.
.

🌷m o o d🌷
Between us - dept



part 1 : นอนพักที่กระท่อมรักหลับ


เดินทางลงมาจากแม่กำปอง เข้าเมืองเชียงใหม่ เราก็เดินเท้ามายัง Rugged supply and co. ร้านเสื้อผ้ามือสองแนวคลาสสิคสไตล์ เป็นร้านที่อาร์ตตามในไอจี และวางไว้ในแพลนว่าถ้ามาเชียงใหม่ต้องมาแวะที่นี่ด้วย เราเปิดแมพจากตลาดวโรรส เดินลัดเลาะซอกแซกมาราวๆ 650 เมตร
แต่อาร์ตไม่ได้อะไรกลับบ้านค้าบ55555
เติมพลังมื้อกลางวันด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวแคระที่บังเอิญเดินผ่านแล้วกลิ่นเตะจมูกมาก จนอาร์ตบอกว่า ต้องเข้าไปแก้แค้นที่ทำให้เดินผ่านแล้วหิวขนาดนี้ 😂 และเป็นการเลือกแก้แค้นได้ถูกที่จริงๆ เพราะร้านนี้ก๋วยเตี๋ยวอร่อย ราคาไม่แพง เริ่มต้นที่ 45 บาท(อาหารที่เชียงใหม่ราคาส่วนใหญ่เริ่มที่ 50 บาทซะเยอะ แต่ก็ได้ portion ใหญ่สมเหตุสมผลอยู่) มีเมนูหลากหลาย มีเย็นตาโฟ ข้าวหมูแดงปอเปี๊ยะสด 
น้ำชามะนาวสุดเข้มข้น (เราสองคนมักแชร์น้ำหวานแก้วเดียวกัน) และตัวตึงประจำร้านคือ "ปลากรอบ"  ที่อร่อยมาก กินกับก๋วยเตี๋ยวคือกรอบๆนุ่มๆชุ่มน้ำก่วยเตี๋ยวกำลังดี แนะนำให้สั่งมาทานคู่กับก๋วยเตี๋ยว เด็ดมาก ติดใจ ใครไปแถวตลาดวโรรสก็แวะไปกินธนาโอชานู้ดเดิ้ลได้เลยค่า 

แปะพิกัด : Thana Ocha Noodle

เมื่ออิ่มหนำสำราญกับก๋วยเตี๋ยวแคระ เราก็ใช้บริการ Grab Car ให้มาส่งเราที่บ้านพักที่ได้ทำการจองไว้ ที่นี่คือ Lucklub Crafted Cottage เป็นบ้านพักหลังเล็กๆขนาดหนึ่งชั้นครึ่ง ตั้งอยู่มุมลึกๆในโครงการบ้านข้างวัด เป็นบ้านพักที่น่ารักในทุกๆมุม ตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงระเบียง
บ้านที่เราเลือกพักคือ บ้านละเมอ ราคาคืนละ 1,500 บาท ไม่รวมอาหารเช้า แต่มีห้องครัวและอุปกรณ์ให้ครบครัน มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีโซนให้นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจหลายมุม มีหนังสือ และน้ำดื่มให้บริการฟรี ทั้งน้ำเย็นและน้ำร้อน
หน้าบ้านมีความน่ารัก เป็นซุ้มไม้ที่มีไม้เลื้อยพันรอบๆ เป็นหลังคาธรรมชาติ ทำให้โซนหน้าบ้านเป็นที่ถอดรองเท้าที่ร่มรื่น และเดินเข้ามาก็สดชื่นได้ตั้งแต่หน้าประตู
ชอบแค่ไหนดูหน้าฟินนี้นั้น
                  
เปิดประตูเข้าบ้านมาก็พบกับโซนนั่งเล่น เป็นโต๊ะไม้ และเก้าอี้ไม้ ฟีลโต๊ะครู เก้าอี้นักเรียนเก่าๆสมัยก่อน แถมมีเลขที่พัสดุเขียนไว้ด้วย มุมนี้โคตรน่ารัก อบอุ่น มีแสงธรรมชาติจากหน้าต่างไม้ที่เปิดออก เหมาะแก่การนั่งดื่ม นั่งอ่านหนังสือในวันสบายๆ
บริเวณทางเดินเชื่อมภายในตัวบ้าน ถูกตกแต่งด้วยโมบายปลาที่ทำจากเศษผ้าฝ้าย น่ารักละมุน มีความคราฟท์ๆ อุ่นๆ แทรกอยู่ทุกส่วนของบ้าน 


โซนนี้จะมีตู้หนังสือให้หยิบยืมไปนั่งอ่าน มีหนังสือทั้งภาษาไทย ญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแต่งบ้าน การทำเกษตร อ้อ มีหนังสือมังงะให้ยืมอ่านด้วย และมีตู้น้ำที่สามารถทำได้ทั้งน้ำร้อน น้ำเย็น มีแก้วให้สองแก้วสำหรับผู้เข้าพักสองคน
อีกหนึ่งโซนสำหรับการนั่งเล่น สีดีมากทั้งบ้าน

ชั้นลอยด้านบนเป็นที่สำหรับนอน เป็นฟูกกว้างประมาณ 6 ฟุต นุ่มๆ มีหมอนและผ้าห่มที่สะอาด
เปิดประตูจากห้องนอนออกไปก็จะเป็นส่วนของระเบียง ที่ถูกตกแต่งด้วยไม้เลื้อย ที่ไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไรอ่ะ แต่มันน่ารักและไม่รกเหมือนไม้เลื้อยชนิดอื่น ตรงระเบียงมีพัดลม และเปลให้สำหรับนั่งเล่น ตอนเช้าบรรยากาศสุดจะดี บ้านข้างวัดที่ยังไม่มีผู้คน มีแค่เสียงไก่ในเล้าข้างๆบ้าน กับแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านใบหลิว เป็นยามเช้าที่น่ารักและดีต่อใจ
พาทัวร์ห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำของที่นี่แยกเป็นโซนแห้งและเปียกได้ดี มีอุปกรณ์ในการใช้แปรงฟันและอาบน้ำครบถ้วน แต่ส่วนตัวพกแปรงสีฟันมาเอง การตกแต่งภายในน่ารัก ที่วางสบู่ต่างๆใช้ไม้แท่งในการทำเป็นที่วาง น่ารักมากๆ ห้องน้ำเป็นปูนเปลือย แต่เพิ่มความน่ารักด้วยการปูกระเบื้องลายสวยๆ คิดมาอย่างดีแล้วจริงๆ  มีเครื่องทำน้ำอุ่นและผ้าเช็ดตัวให้ด้วยค่ะ
ที่พักพิงที่ดีที่สุด = ไหล่แฟน <3
นอกตัวบ้านมีห้องครัวเล็กให้ผู้เข้าพักได้ทำอาหารง่ายๆ ถึงจะเล็กแต่มีอุปกรณ์ให้ครบครัน ทุกอย่างถูกจัดสรรปันส่วนวางไว้อย่างสวยงามและเป็นระเบียบ มานี่ได้ไอเดียไปแต่งบ้นตัวเองเพิ่มเยอะเลย
โซนล้างชามที่เปิดรับลมชมวิวได้อย่างเต็มที่ มีแสงแดดอ่อนสะท้อนลงบนซิงค์ ฟินนน
ชอบไอเดียที่เก็บมีดของที่นี่มากๆ เป็นแม่เหล็กแล้วเอามีดไปแปะไว้ เป็นการเป็บมีดที่เป็นระเบียบและสะอาดดีมาก ที่นี่มีชาผลไมชาดอกไม้หอมๆให้ชงดื่มฟรีด้วย มีชาบางตัวที่อาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง ใครสนใจก็แค่เอาเงินใส่โหลแล้วหยิบไปชงได้เลย
เลือกชาไปชงดื่มสำหรับยามเช้านี้
นั่งดื่มชาและอ่านหนังสือ
LuckLub Crafted Cottage
ราคา : 1,500 บาท ต่อคืน นอนพักได้ 2 คน
จองได้ที่ : https://www.facebook.com/Lucklubzzz/
การเดินทาง : สามารถเรียกตุ๊กตุ๊กและสอบถามราคาก่อนได้ 
แต่ส่วนตัวเลือกใช้ Grab Car เพราะมีราคาที่แน่นอนและถูกกว่าตุ๊กตุ๊ก
    Note : สามารถฝากของที่ร้านงานคราฟท์ข้างๆบ้านพักหลังจากเช็คเอ้าท์ได้ 
จะได้เดินเล่นในบ้านข้างวัดแบบตัวเบาๆ พนักงานที่ดูแลบ้านพักใจดีและเป็นมิตรมากค่ะ

Part 2 : แสวงบุญไปวัดอุโมงค์

จากรักหลับสามารถเดินมาวัดอุโมงค์ได้ แต่จะไกลนิดนึง ประมาณ 1.6 km ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที ต้องคอบหลบรถและดูมอเตอร์ไซค์ให้ดี เพราะรถค่อนข้างขวักไขว่ แต่พอมาถึงวัดแล้วก็ชื่นใจ เพราะเป็นวัดที่ร่มรื่น สวยงาม สงบและสัปปายะมากๆ
เส้นทางแสวงบุญของเรา
 ไปช่วงเดือนตุลาคมเลยยังมีมอสส์ให้เห็นตามกำแพงอยู่ จริงๆก่อนไปพยายามเช็คจากรุปในไอจีของคนที่ไปเที่ยวที่นี่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เพราะอยากมาเจอวัดอุโมงค์ในรูปแบบที่ยังมีต้นมอสส์ปกคลุมอยู่
"วัดอุโมงค์" เป็นวัดโบราณที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองแต่เงียบสงบ ร่มเย็น และเต็มไปด้วย สถาปัตยกรรมที่งดงาม เดิมวัดอุโมงค์ มีชื่อว่า วัดเวฬุกัฏฐาราม หรือวัดไผ่ 11 กอ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1839 ยุคปฐมกษัตริย์ล้านนาคือพญามังราย เพื่อให้เป็นที่พำนักของคณะสงฆ์ที่นิมนต์มาจากลังกา ต่อมาในสมัยของพระเจ้ากือนาธรรมิกราช ได้มีการบูรณะวัดขึ้นใหม่ และได้สร้างอุโมงค์ขึ้นให้พระมหาเถรจันทร์ พระสงฆ์ชาวล้านนาผู้แตกฉานในพระไตรปิฏกและมีปฏิภาณโต้ตอบปัญหาธรรมเป็นเยี่ยม แต่พระมหาเถระจันทร์ชอบหาที่สงบสงัดบำเพ็ญภาวนา ไม่มีที่อยู่ที่แน่นอน เวลาจะโต้ตอบปัญหาธรรมมักจะตามตัวไม่ค่อยพบ พระเจ้ากือนาเลยสร้างอุโมงค์ให้พระเถระจันทร์อยู่เป็นที่จะได้สะดวกต่อการติดต่อและพบปะ ผู้คนจึงเรียกชื่อวัดนี้อีกชื่อว่าวัดอุโมงค์เถรจันทร์มาจนถึงปัจจุบัน
จุดเด่นของวัดอุโมงค์ คือ อุโมงค์สี่ทิศที่สามารถเดินเข้าออกได้ทั่วถึง ข้างๆฝาผนังมีช่องเจาะเพื่อจุดประทีปให้แสงสว่างสะดวกแก่พระสงฆ์ในการเดินจงกรมและภาวนา ด้านบนเพดานมีภาพสีน้ำมัน เป็นภาพนกสลับกับดอกโบตั๋น แต่ดูไม่ค่อยออกแล้ว เพราะสีภาพจืดจางและเลือนลางไปตามกาลเวลา
มีบันไดขึ้นไปสู่เจดีย์ด้านบน
เจดีย์ 700 ปี เป็นสถาปัตยกรรมทรงระฆังกลม บริเวณทรงกรวยด้านบนของเจดีย์จะเป็นรูปกลีบดอกบัว บริเวณฐานส่วนล่างจะมีปูนปั้นลวดลายสวยงามตามแบบสถาปัตยกรรมของศิลปะพม่า
มีเสาหินอโศกจำลองจากประเทศอินเดีย นอกจากนี้ยังมีหลักศิลาจารึกบันทึกประวัติความเป็นมาของวัดอุโมงค์ เชียงใหม่ หอสมุดธรรมโฆษณ์ โรงภาพปริศนาธรรม ที่ให้เราเข้าไปดูแล้วก็ไม่เก็ทเท่าไหร่ เข้าถึงธรรมยากแล้วเรา 55555555
ระหว่างทางเดินก็มีคติธรรมให้อ่านตลอดทาง

วัดอุโมงค์
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. 
แต่งกายด้วยชุดสุภาพเหมาะสม 

Part 3 : ดินเนอร์ที่ Adirak Pizza 
ครั้งแรกกับการกินพิซซ่าโฮมเมดสไตล์นาโปลี


แปะข้อมูลพิซซ่าประเภทนี้ “Neapolitan Pizza” เป็นพิซซ่าสูตรดั้งเดิมที่ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองเนเปิล โดยใช้วัตถุดิบที่เรียบง่ายและสดใหม่ คือแป้งโดว์ มะเขือเทศ ชีสมอสซาเรลล่า ใบโหระพา และน้ำมันมะกอก จุดเด่นของ Neapolitan Pizza คืออบในเตาฟืนที่ทำจากไม้โอ๊กเท่านั้น และจะใช้เวลาอบไม่เกิน 90 วินาที ออกมาเป็นพิซซ่าที่แซมด้วยรอยเกรียม ๆ ตามขอบเป็นเอกลักษณ์ของพิซซ่าที่อบด้วยเตาฟืน 

อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/news/history-of-pizza?ref=ct

เราเลือกมาร้าน Adirak Pizza ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก สามารถเดินมาได้ในระยะเวลาไม่นาน รวมถึงเห็นในรีวิวของเพื่อนๆที่บอกว่าพิซซ่าร้านนี้อร่อย ลูกฟิกซ์ก็อร่อย เลยอยากมาลองดูบ้าง
มาเร็วเลยได้เลือกที่นั่งที่ชอบใจ เลือกนั่งด้านนอกร้าน เพราะบรรยากาศดี คนไม่เยอะ เป็นส่วนตัว
ที่ร้านจะมีเมนูให้สั่งโดยใช้การแสกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดูเมนู แล้วกดสั่งและจ่ายเงินผ่านในนั้นได้เลย ด้วยความที่นั่งด้านนอก ร้านเลยให้ซอล์ฟเฟลมาด้วย 
สั่งพิซซ่าหน้า Margherita มาในราคา 200+ บาท มาในหน้าตาเกรียมๆตรงกับจุดเด่นของพิซซ่าประเภทนี้มาก55555 แป้งบางกรอบๆพองๆตรงขอบ รสชาติเค็มๆแปลกๆดี แต่คิดว่าไม่ใช่สไตล์ที่ถูกปากเราเท่าไหร่ ชอบกินพิซซ่าที่ผ่านการลื่นไหลทางวัฒนธรรมมาแล้วค่ะ 5555555 เราสองคนไม่ได้สั่งลูกฟิกซ์มาลอง เพราะอาร์ตก็ไม่กินผลไม้ และเราเองก็ไม่เคยลองกลัวกินไม่หมด555555

Adirak Pizza
เปิด : 17.00 – 22.00 (ปิดทุกวันพุธ)
ที่ตั้ง : ถนนร่ำเปิง ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
แผนที่ร้าน : https://goo.gl/maps/TwdMiNEbT6FzuH3Z7
    Note : สามารถจอดรถได้ที่ริมถนนหน้าร้าน ช่วงค่ำๆคนเยอะมาก

💗
 
FREE BLOGGER TEMPLATE BY DESIGNER BLOGS