วิชาภาษาไทยมีกิจกรรมหนึ่งที่เธอชอบเป็นพิเศษ คือกิจกรรมเขียนเรื่องจากภาพ ครูจะเอาภาพมาตั้งไว้หน้าชั้นเรียน แล้วให้นักเรียนเขียนเรื่องจากภาพนั้น ภาพที่คุณครูนำมาให้เด็กๆเขียนเรื่องก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางวันเป็นภาพคนทำท่าทางต่างๆ บางวันเป็นภาพวิว บางวันก็เป็นภาพสัตว์ ดังนั้นการเขียนเรื่องแต่ละครั้งจึงมีเรื่องราวที่แตกต่างกันไปตามภาพที่ตั้งไว้หน้าชั้นเรียน แต่สิ่งหนึ่งที่ครูบอกเราเสมอก็คือ 'เรื่องที่ดีควรจบอย่างมีความสุขนะจ้ะ'
เราสนุกมากกับการได้เขียนเรื่องที่หลากหลาย แต่ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเริ่มยังไง Climax เป็นแบบไหน เราก็จะพยายามเขียนให้มันจบลงอย่างมีความสุขทุกครั้ง(ตามที่ครูบอก) ตอนนั้นมันง่ายมากที่จะทำให้เรื่องราวต่างๆจบลงอย่างมีความสุข เพราะเรายังเด็ก ยังไร้เดียงสา ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก ทุกอย่างรอบตัวเต็มไปด้วยความสุข แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราเติบโตขึ้น เราเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ต่างๆมากขึ้น หลายสิ่งรอบตัวเราดูเหมือนจะซับซ้อนและยากที่จะทำความเข้าใจ (เอ้ะ หรือเราโง่ลง) แม้แต่ความสุขที่เราเคยมีได้ง่ายๆในตอนเด็ก ตอนนี้ก็ดูเหมือนมันอยู่ไกลออกไป และยากที่จะไขว่คว้ามันไว้
แต่จะมาโทษว่า เพราะโตขึ้นจึงหาความสุขไม่ค่อยได้ ก็ไม่ถูกไหมอ่ะ
เพราะจริงๆ ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุหรือเวลาไปซะทีเดียว มันขึ้นอยู่กับมุมมองความคิดของเราด้วย
ในแต่ละวัน ให้เริ่มต้นและจบลงด้วยคำว่าขอบคุณ... เป็นวิธีหนึ่งที่เราใช้หาความสุขให้ตัวเอง
ปกติแล้วคนเราจะพูดขอบคุณก็ต่อเมื่อมีคนพูดหรือทำสิ่งดีๆให้กับเรา อันนั้นคือการขอบคุณแบบเบสิค คนมีมารยาทส่วนใหญ่ก็ทำกัน
แต่การขอบคุณแบบขั้นกว่า ขอบคุณแบบขั้นสุดยอด คือการขอบคุณกับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตต่างหาก ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ หรือแม้กระทั่งเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องแย่ๆ เราก็จะขอบคุณให้หมด
เพราะทุกครั้งที่เรารู้สึกขอบคุณใครหรืออะไรสักอย่าง เราจะต้องทำใจยอมรับที่จะรู้สึกดีกับสิ่งนั้นให้ได้ เพราะฉะนั้นเราจะหาทางทำให้ตัวเองรู้สึกดีและรู้สึกขอบคุณเรื่องเหล่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายๆก็เถอะ มองมันเป็นบทเรียน มองมันเป็นเรื่องท้าทาย มองมันยังไงก็ได้ให้ตัวเองต้องรู้สึกขอบคุณมัน มันเหมือนกับการมองหาสิ่งดีๆกับทุกสถานการณ์ที่เจอ เพราะถ้าเราสามารถขอบคุณทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตได้ ก็ไม่มีอะไรบนโลกนี้สามารถทำร้ายเราได้หรอก เพราะเราจะขอบคุณให้หมด!
การพยายามมีความสุขก็ไม่ต่างอะไรกับการเขียนเรื่องจากภาพของเราตอนเด็กๆหรอก เรื่องราวต่างๆมันเริ่มขึ้นและจบลง แต่ตอนจบจะน่าจดจำและเป็นเรื่องราวดีๆสำหรับเราได้ไหม มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเขียนมันให้จบยังไง ในชีวิตจริงก็เหมือนกัน ชีวิตจะมีความสุขหรือไม่ ก็อยู่ที่เราตัดสินใจ อยู่ที่ตัวเราว่าจะให้ความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นยังไง
ไม่สำคัญหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น สำคัญที่ว่าเราให้ความหมายกับสิ่งนั้นยังไง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตเรา เราจะนึกถึงประโยคนี้ตลอด พยายามให้ความหมายกับทุกอย่างดีๆ แล้วเรื่องนั้นมันก็จะเป็นเรื่องดีของเราเองนั่นแหละ
จริงๆบทความนี้ดัดแปลงมาจาก article ที่เขียนส่งใน
วิชา English for Mass Communication 1 ตอนปี2
ตอนนั้น teacher อ่านแล้วถามว่าเขียนเองหรอ นี่ก็บอกว่า yes
แต่ภาษาอังกฤษให้เพื่อนช่วยแปลให้นิดหน่อยค่ะ
ซึ่งเพื่อนคนนั้นคือ คุณภาคภูมิ สังข์ทอง ค่า thanks! 55555
มะปราง :)