ถ้าคุณเคยอ่านและเชือในสุภาษิตคำพังเพย คุณจะรู้ว่าเวลานั้นสามารถ รักษา ขโมย และโบยบิน
และตอนนี้เวลาก็โบยบินมาถึงเดือนที่ 10 ของปีแล้ว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันคือเดือนที่ 10 แล้วจริงๆอ่ะ!
หลังจากผ่านพ้นเดือนนี้ไป ก็เหลือเพียงอีกสองเดือนเท่านั้นก็จะสิ้นปี 2560
ไวเกินไปมาก โบยบินได้จริงๆสินะเวลา....
พูดถึงเดือนตุลาคม เราคงนึกถึงสีน้ำตาล สีส้ม เพราะทุกที่เกือบทั่วโลก (ยกเว้นพวกประเทศเขตร้อนแบบบ้านเรา) คงกำลังถูกระบายด้วยสีส้มของฤดูใบไม้ร่วง ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่อินกับฤดูต่างๆมาก ชอบที่แต่ละฤดูล้วนมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ในตัวของมันเอง(เสน่ห์แบบไหนเดี๋ยวค่อยมาเขียนให้อ่านอีกทีคราวหน้า) เลือกไม่ได้เลยว่าชอบฤดูไหนมากที่สุด
เพราะแต่ฤดูก็มีส่วนที่เราชอบที่สุดแตกต่างกันออกไป
แต่ว่านี่เดือนตุลาคมไหมล่ะ เราก็ควรจะพูดถึงอะไรที่เกี่ยวกับเดือนนี้สิ
อย่างที่บอกไปว่า เดือนตุลาคมทีไรจะนึกถึง อากาศหนาวๆที่ต้องทำให้ตัวเองอุ่นด้วยกาแฟร้อนๆซุกอยู่ในผ้าห่มหนาๆ พร้อมหนังสือเล่มโปรด มองออกนอกหน้าต่างดูใบไม้ที่เปลี่ยนสีจากเขียวเป็นส้ม จากส้มเป็นน้ำตาล แล้วร่วงหล่นลงสู่พื้น อ่ะที่พูดมาทั้งหมด ก็ไม่ได้เป็นประสบการณ์สุดชิลที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเองหรอกนะ เพราะว่าที่ประเทศเราไม่มีฤดูใบไม้ร่วงไงเล่า! แต่เป็นความมโนล้วนๆ ที่คาดว่าถ้าได้ไปอยู่ในประเทศที่มีฤดูใบไม้ร่วง การได้ดำเนินชีวิตสบายๆท่ามกลางบรรยากาศแบบนั้นคงฟินน่าดู

ก็อย่างที่บอก(และพูดมาแล้วเกือบทุกย่อหน้า) คือ เราเป็นคนที่อินกับบบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงมาก จนอยากให้มันมีใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้ที่ประเทศไทยบ้าง และความอยากนี้ทำให้เราสงสัยว่า ทำไมอ่ะ ทำไมไทยแลนด์แดนสมายของฉัน ถึงต้องไม่มีฤดูที่โรแมนติกแบบฤดูใบไม้ร่วงบ้าง ฟังเผินๆอาจดูเป็นประโยคตัดพ้อต่อภูมิประเทศบ้านเกิดตัวเอง แต่จริงๆแล้วมันคือคำถามทางวิทยาศาสตร์ชัดๆ นี่เลยทำการสืบค้นหาข้อมูลว่า เหตุใด ทำไมประเทศไทยถึงไม่มีฤดูใบไม้ร่วงกันน้าาา (ทำเสียงแบบเจ้าหนูจำไม)
และคำตอบที่ได้ก็คือ
ปรากฏการณ์ fall colors และ autumn colors หรือการเปลี่ยนสีของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงเนี่ย เกิดจากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่สำคัญก็คือการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ซึ่งพอถึงฤดูกาลหนาว กลางวันจะสั้นกว่ากลางคืน ซึ่งส่งผลต่อปริมาณการรับแสงของพืช ถ้ายังพอจะจำความรู้วิทยาศาสตร์ตอนช่วงวัยเด็กของเราได้ ทุกคนคงก็นึกออกว่า ที่ใบไม้มีสีเขียวนั้นเกิดจากสารคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีหน้าที่ในการสังเคราะห์แสง แต่เมื่อแสงที่ต้องใช้สังเคราะห์มันน้อยลง สารคลอโรฟิลล์จึงมีปริมาณน้อยลงไปด้วย และในใบไม้เองก็ไม่ได้มีแค่สารคลอโรฟิลล์อย่างเดียวที่ทำให้ใบไม้มีสี ยังมีสารสีแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ซึ่งประกอบด้วย สารสี 2 ชนิด คือ แคโรทีน (carotene) เป็นสารสีแดงหรือสีส้ม และ แซนโทฟิลล์ (xantrophyll) เป็นสารสีเหลืองหรือสีน้ำตาล ใบไม้จะเป็นสีอะไรก็ขึ้นอยู่กับว่า สารสีตัวไหนมีอยู่ในใบเยอะกว่ากัน ดังนั้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีอากาศเย็น กลางวันสั้นกว่ากลางคืน ใบไม้จึงไม่จำเป็นต้องใช้คลอโรฟิลล์ ในการสังเคราะห์แสงมาก เลยทำให้ใบไม้เปลี่ยจากสีเขียวกลายเป็นสีส้มหรือสีน้ำตาลนั่นเอง
และเหตุผลที่ประเทศไทยเราไม่มีฤดูใบไม้ร่วง ก็เพราะประเทศเราอยู่ในเขตร้อน เลยไม่ได้มีอากาศที่หนาวเย็นจนทำให้ใบไม้ต้องเปลี่ยนสี แต่ตามภาคเหนือหรือตามภูเขาบางแห่งเราก็อาจจะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีได้เช่นกัน (เช่นในช่วงเดือนม.ค. เรามีโอกาสไปเที่ยวเขื่อนศรีฯในจังหวัดกาญจนบุรี ที่นั่นมีภูเขาที่ต้นไม้เปลี่ยนสีใบ ทำให้ภูเขาทั้งลูกเป็นสีน้ำตาลเลย) แต่ไม่ได้พบเห็นทั่วทุกที่ในประเทศ เหมือนกับประเทศในเขตอบอุ่นนั่นเอง
จริงๆแล้ววันนี้ตั้งใจจะมาเขียนถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งใจจะทำให้สำเร็จในเดือตุลาคมนี้ แต่ไหงกลายเป็นเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีซะงั้น
เอาเถอะ...นี่บล็อกของเรา เราจะเริ่มด้วยเรื่องอีกัวน่าเปลี่ยนสี แล้วจบลงด้วยหลักพรหมวิหารสี่ก็ย่อมได้ เพราะฉะนั้นการเริ่มด้วยใบไม้เปลี่ยนสี แล้วจบด้วย October Resolutions จึงถือว่าธรรมดามาก
ที่อยากเขียนความตั้งใจให้เป็นลายลักษณ์อักษรก็เพราะเป็นพวกประเภทถ้าตั้งปณิธานเองเบาๆในใจ เดี๋ยวไม่นานก็ลืม แต่ถ้าได้ลองทำให้มันเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วล่ะก็ มันก็จะจำได้ดีขึ้น แถมยังมีหลักฐานมัดตัวเองอีกด้วยว่า 'ความตั้งใจของเธอมีดังนี้ เธอทำไปได้กี่ข้อแล้วจ้ะมะปราง'
หลอกหลอนดี ชอบบ
OCTOBER RESOLUTIONS
1. เป็นเดือนที่ต้องไปปฏิบัติธรรมถึง 15 วัน ตัดขาดจากหมู่บ้านโลก อยู่กับตัวเอง และจัดระเบียบสติตัวเองที่แท้จริง เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจทำให้ดี ทำให้เต็มที่กับ 15 วันนั้น เก็บเกี่ยวข้อคิดดีๆ ฝึกตัวเองให้ดี แล้วออกมาเป็นคนที่มีสติและมีระเบียบในการคิดมากขึ้น (นามธรรมจังวะ วัดผลยังไงบอกข้าที)2. คิดให้ออกว่าเราอยากทำงานอะไร อะไรคือจุดเด่นของตัวเอง
3. เลิกดูถูกตัวเองได้แล้ว ลองมองตัวเองในแง่ดีแบบที่ใช้มองคนอื่นบ้าง
เป็นสามข้อที่ทำได้ไม่ง่ายและไม่ยากเกินไป การตั้งเป้าหมายให้ตัวเองอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าวันนี้เรามีอะไรให้ทำ มีอะไรให้สู้จนถึงเป้าหมาย ไม่งั้นชีวิตคงไร้ค่ามาก ถ้าใช้มันไปวันๆโดยไม่มีเป้าหมายไรให้ตัวเองเลย
สุดท้าย ก็ไม่ได้หวังให้เดือนตุลาคมดีต่อเราหรอก
(เพราะไม่อยากฝากความหวังไว้กับอะไรอีกแล้ว)
แต่เราจะทำให้เดือนตุลาคมมันดีขึ้นมาเองด้วยตัวของเรา
แต่เราจะทำให้เดือนตุลาคมมันดีขึ้นมาเองด้วยตัวของเรา
Hello October :)
ขอบคุณข้อมูลใบไม้เปลี่ยนสี จาก สสวท. ค่าาา